การใช้ชีวิตคู่ของคนอียิปต์โบราณสามัญชนเป็นแบบผัวเดียวเมียเดียวจนชั่วชีวิตหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไปก่อน หรือมีการหย่าร้าง แต่ในชนชั้นกษัตริย์พบว่าตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 13 เป็นต้นมา ฟาโรห์จะมีสนมมากมายเป็นร้อยๆ คนเพื่อให้เกิดรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์เพื่อสมานไมตรีกับต่างประเทศเพื่อฐานอำนาจทางศาสนา แต่จะยกสตรีเพียงคนเดียวขึ้นเป็นมเหสีหรือราชินีเป็นผู้ถูกดูแลสนมขึ้นอื่นๆ ทั้งหมด แต่ก็มีข้อยกเว้นในบางรัชสมัยที่มีการแต่งตั้งราชินีหลายองค์พร้อมกันและแนวปฏิบัติของฟาโรห์เช่นนี้ทำให้ขุนนางชั้นสูงบางคนรับพฤติกรรมนี้ไปด้วย การแต่งงานในเครือญาติ เช่น พี่น้อง พ่อลูก เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากความเชื่อทางศาสนาเฉพาะในเชื้อพระวงศ์เท่านั้น เนื่องจากมีตำนานการสมรสในวงศ์วานเดียวกันของเทพเจ้าทำให้ฟาโรห์จึงจำเป็นต้องรักษาสายเลือดของราชวงศ์ให้เข้มข้นที่สุด แต่ค่านิยมนี้ในหมู่ชาวบ้านเปลี่ยนแปลงไปมากในยุคที่กรีกเริ่มเข้ามามีบทบาทในอียิปต์พบการสมรสในหมู่เครือญาติสูงถึง 1 ใน 4 ของประชากร ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนอียิปต์โบราณไม่ได้กีดกันเรื่องการสมรสข้ามเชื้อชาติหรือชนชาติเลยเพียงแต่ต้องแต่งงานในคนชนชั้นเดียวกันเท่านั้น
ในหลักฐานที่ค้นพบเรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องที่มีบันทึกอยู่น้อยมาก บันทึกที่พบก็ไม่มีส่วนไหนที่เรียก “การแต่งงาน” โดยเฉพาะมีแต่คำใกล้เคียงที่หมายถึง “สร้างภรรยา” “การยอมรับเป็นภรรยา” หลังจากยุดที่ 3 เราได้พบคำในเอกสารที่เกี่ยวกับจัดการทรัพย์สินในการแต่งงาน คือ ค่าสินสมรส แต่จะพบเอกสารที่เกี่ยวกับการจัดการสินสมรสหลังจากหย่าร้างมากกว่า
ทางหลักฐานที่เหลืออยู่พิธีการแต่งงานของชาวอียิปต์โบราณมีความเรียบง่ายมาก เจ้าสาวแค่ออกจากบ้านของตนไปสู่บ้านสามีซึ่งสามีอาจจะอยู่คนเดียวหรืออยู่กับพ่อแม่ก็ได้ ชุดที่เจ้าสาวสวมนั้นจะสวมกระโปรงลินินยาวหรือกระโปรงแบบมีผ้าคลุมบ่ายาว คลุมด้วยแหลูกปัดตั้งแต่หัวจนเท้า ถ้าเป็นคนมีฐานะก็จะประดับด้วยเงินและไพฑูรย์ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่เป็นพิธีกรรมทางศาสนา หรือทางกฎหมายเลย มีแต่ทางสังคมซึ่งจะจัดการเลี้ยงฉลองอาหาร การเต้นรำ ร้องเพลงอวยพรเพื่อ เป็นเกียรติสำหรับคู่บ่าวสาว